สิทธิมนุษยชนอาหรับในอังกฤษ และ คณะเปิดโปงความผิดของกาตาร์ในเจนีวา

      Comments Off on สิทธิมนุษยชนอาหรับในอังกฤษ และ คณะเปิดโปงความผิดของกาตาร์ในเจนีวา

สิทธิมนุษยชนถือเป็นเรื่องที่จริงๆ แล้วทุกคนบนโลกใบนี้ต้องมีความเท่าเทียมเหมือนกันหมด ทว่าในความเป็นจริงเราก็ยังเห็นว่าด้วยปัจจัยหลายๆ ด้านทำให้ผู้คนในพื้นที่ต่างๆ ยังคงใช้สิทธิมนุษยชนได้ไม่ทั่วถึงกัน เรื่องหนึ่งที่ตอนนี้กำลังเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก ก็คือการที่มีข่าวออกมาว่ากาตาร์ให้เงินสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้ายจนทำให้หลายชาติตัดสินใจคว่ำบาตร และ ยกเลิกการให้ความช่วยเหลือกับกาตาร์ไปแล้ว

การประชุมเพื่อเปิดโปงความผิดของกาตาร์ในเจนีวา

คณะผู้แทนจากองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนอาหรับในอังกฤษก็ได้มีการจัดประชุมย่อย บ่อยครั้งเพื่อต้องการรณรงค์ต่อต้านกรณีกาตาร์ได้ให้เงินเพื่อทำการสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้าย ระหว่างการประชุมสภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ครั้งที่ 36 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเจนีวา คณะผู้แทนร่วมที่นำโดย อับดุลเราะฮ์มาน โนฟาล เรเยส ประธานองค์กรอาหรับเพื่อสิทธิมนุษยชนในอังกฤษ อัยมาน อัล-ซับบาค และอินกันดาร์ โลมิก้า คณะกรรมการอำนวยการ เพื่อให้เกิดเป็นการรณรงค์ต่อต้านด้านการสนับสนุนทางการเงินของกาตาร์ที่มีต่อกลุ่มผู้ก่อการร้าย รวมไปถึงองค์กรนานาชาติด้านสิทธิมนุษยชนอีกจำนวนหนึ่ง สำหรับการประชุมครั้งนี้เน้นย้ำไปที่การเปิดโปงเกี่ยวกับการละเมิดที่ค่อนข้างชัดเจนในรูปแบบต่างๆ ที่ทางรัฐบาลกาตาร์ได้มีการดำเนินการอยู่ ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีต่างประเทศของกาตาร์เองก็ได้เคยพูดโกหกถึงเรื่องสถานะสิทธิมนุษยชนในกาตาร์ ทางด้านคณะผู้แทนชุดนี้ยังได้มีการตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า กาตาร์ได้มีการให้เงินจำนวนหลายล้านดอลลาร์ต่อองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อที่จะได้ช่วยแก้ไขให้ภาพลักษณ์ของประเทศดูดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวไปถึงกรณีผู้แสวงบุญชาวกาตาร์ ที่ได้เดินทางกลับมาจากการทำพิธีฮัจญ์ถูกจับกุมและถูกคุมขังเอาไว้ ขณะที่บางครอบครัวก็ถูกถอนสัญชาติ นอกจากนี้ยังมีกรณีของแรงงานต่างด้าวในกาตาร์ที่ถูกปฏิบัติแบบไม่เหมาะสม เช่น การโดนเอารัดเอาเปรียบเรื่องของการจ่ายค่าแรงที่ไม่เป็นธรรมกับพวกเขา เป็นต้น

นอกจากนี้ทางที่ประชุมเองยังได้มีการเน้นย้ำในด้านของหลักฐานต่างๆ เป็นการแสดงถึงว่ากาตาร์ได้มีการสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้าย อาทิ กลุ่มภราดรภาพมุสลิม, กลุ่ม ISIS และกลุ่มอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีการเรียกร้องให้องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศพร้อมกับบุคคลที่มีชื่อเสียงต่างๆ ได้พิจารณาเกี่ยวกับหลักฐานดังกล่าวพร้อมกับนำไปใช้สั่งเพื่อให้กาตาร์ยุติการกระทำที่ว่ามาทั้งหมดเสีย กระนั้นก็ยังได้มีการเน้นย้ำถึงคำพูดโกหกที่ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลเราะฮ์มาน อัล-ซานี รัฐมนตรีต่างประเทศกาตาร์ได้กล่าวเอาไว้ระหว่างการเปิดประชุมสภาฯ ช่วงก่อนหน้าด้วย