จากเหตุที่ผู้ก่อการร้ายได้วางระเบิดโบสถ์คริสต์ค๊อปติคถึง 2 แห่งในประเทศอียิปต์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนรวม 43 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 100 ราย ทำให้เกิดเสียงประณามจากชาติอาหรับและชาติตะวันตกอย่างหนักต่อการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม อุกอาจ คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้กลุ่มชาติอาหรับต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะพยายามปราบปรามการก่อเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมกันนั้นพวกเขามีความเชื่อที่ว่าเป็นความพยายามของกลุ่มก่อการร้าย ที่จะสร้างความแบ่งแยกทางศาสนา
หลังจากเกิดเหตุระเบิดถึง 2 แห่ง ประเทศอียิปต์ได้ประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินเป็นระยะเวลาถึง 3 เดือน พร้อมทั้งมีการประกาศไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์วางระเบิดเป็นเวลา 3 วัน และกษัตริย์ซัลมาน แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ก็ได้โทรศัพท์สายตรงเข้ามาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอียิตป์ พร้อมทั้งทรงประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความร่วมมือกันระหว่างชาติอาหรับในการที่จะต่อต้านการก่อร้ายทุกรูปแบบ
เหตุการณ์วางระเบิดที่โบสถ์คริสต์ค๊อปติคเกิดขึ้นที่ทางตอนเหนือของประเทศอียิปต์ ทั้งสองแห่งอยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อย คือเมืองอเล็กซานเดรีย และ เมือง Tanta ในขณะที่เกิดการระเบิดมีผู้ศรัทธาในศาสนาคริสต์กำลังประกอบพิธี Palm Sunday ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญของชาวคริสต์ คือเป็นวันที่พระเยซูเดินทางมาถึงนครเยรูซาเล็มส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ไม่เพียงแต่ชาติอาหรับเท่านั้นที่ได้ประณามการกระทำของผู้ก่อการร้าย แม้กระทั่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ออกมาประณามการโจมตีในครั้งนี้เช่นเดียวกัน
ขณะที่กลุ่มไอเอสหรือ กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามจะออกมาอ้างความรับผิดชอบว่าเป็นผู้กระทำการลอบวางระเบิดในครั้งนี้ ยิ่งต้องทำให้ทั่วโลกและกลุ่มชาติอาหรับเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเพราะจากการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์วิธีของกลุ่มไอเอสที่เคยสู้รบประปรายในแถบคาบสมุทรไซนายกับทหาร ตำรวจ ของอียิปต์มานานหลายปี ตอนนี้ได้หันมาโจมตีพลเรือนชาวคริสต์ และรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของอียิปต์มากขึ้น ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ชาติอาหรับอื่นๆ ต้องจับตามองให้ดี เพราะไม่แน่ว่ากลุ่มไอเอสอาจจะเปลี่ยนเป้าหมายการโจมตีมาที่ประเทศของตนด้วยก็ได้
สงครามที่ว่าน่ากลัวแล้วยังไม่เท่ากับการก่อการร้าย เพราะอย่างน้อยสงครามคือการรบกันซึ่งๆ หน้า และมีขอบเขตในการสู้รบ แต่การก่อการร้ายคือการซุ่มโจมตี เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ หรืออย่างไร ฉะนั้นเราจึงต้องดูแลตัวเอง คอยสอดส่องเป็นหูเป็นตา เมื่อพบเจออะไรที่ต้องสงสัยก็ขอให้รีบแจ้งไปยังหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทันทีคะ